หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บทความที่8


บทความที่ 8
การต่อสายโทรศัพท์ และการปรับแต่งต่าง ๆ เพิ่มความเร็วและป้องกันสายหลุดของโมเด็ม
หลาย ๆ ท่านบ่นกันมาค่อนข้างบ่อยครับ ว่าทำไมจึงต่ออินเตอร์เน็ตได้ความเร็วไม่สูงมากนัก หรือไม่ก็พบปัญหาโมเด็มสายหลุด ค่อนข้างบ่อย ๆ ก่อนอื่น ลองมาดูวิธีและหลักการในเบื้องต้น เพื่อเพิ่มความเร็วของการต่ออินเตอร์เน็ต และอาจจะช่วยป้องกันปัญหา สายหลุดบ่อย ๆ ได้ด้วย ส่วนจะได้มากน้อยเพียงใด คงจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วยนะครับ แต่อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้คุณ ๆ มีความสุขกับการใช้งานอินเตอร์เน็ตได้มากขึ้นครับ
โมเด็มกำลังต่อด้วยความเร็วเท่าไร
การดูความเร็วของโมเด็มในขณะที่ใช้งานอยู่นั้น สามารถดูได้จากที่ไอคอน ของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทางด้านล่าง ขวามือ โดยจะมีรูปและรายละเอียดของการเชื่อมต่อ รวมถึงความเร็วที่ต่อได้ในขณะนั้นแสดงไว้ (สำหรับบางเครื่องที่ลง Driver ของโมเด็มไม่ถูกต้อง ค่าความเร็วการเชื่อมต่ออาจจะแสดงผิดพลาด เช่นกลายเป็น 115,200 กรณีนี้ ให้ลองหา Driver ของ Modem มาลงใหม่ดูนะครับ)
==>>
ตัวอย่างของภาพแสดงความเร็วการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต เมื่อกดดับเบิลคลิกที่ไอคอนด้านล่างขวามือ จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ ออกมาซึ่งจะมีความเร็วของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตบอกไว้ด้วย
ทำความเข้าใจกับโมเด็มกันก่อน
ก่อนการเริ่มต้นปรับแต่งหรือปรับเปลี่ยนการทำงานต่าง ๆ ของโมเด็ม ลองมาทำความเข้าใจและรู้จักกับโมเด็มแบบต่าง ๆ กันก่อน เพื่อเป็นความรู้ในเบื้องต้น และเป็นการทำความรู้จักกับโมเด็มที่เราใช้งานอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ว่าเป็นแบบไหน ระบบใด ด้วยครับ รายละเอียดให้อ่านที่หน้า รู้จักกับ Modem แบบต่าง ๆ ครับ
ปรับแต่งเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้ทำงานได้เร็วขึ้น
หลังจากนั้น มาทำการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ หรือระบบ Windows 98 ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นก่อน อาจจะไม่เกี่ยวกับ การใช้งานมเด็มท่าไรนัก แต่ส่วนหนึ่งก็คือ ช่วยให้การใช้งานคอมพิวเตอร์นั้น มีประสิทธิภาพและทำงานได้เร็วขึ้น ไม่มากก็น้อยครับ รายละเอียดให้อ่านที่หน้า ปรับแต่ง Windows ให้เร็วขึ้น ครับ
เริ่มต้นการปรับเปลี่ยนการใช้งานโมเด็ม
มีปัจจัยหลาย ๆ อย่างในการใช้งานโมเด็ม ให้ได้ความเร็วสูงขึ้น ลองมาดูและพยายามปรับเปลี่ยนตามให้ได้มากหัวข้อที่สุดนะครับ ข้อไหนที่ติดปัญหา ทำไม่ได้หรือไม่สะดวกก็อาจจะข้ามไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ทำการตรวจสอบและทำตามนี้ในทุก ๆ หัวข้อครับ เพื่อการใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
1. Update Driver ของโมเด็มให้เป็นเวอร์ชันใหม่
หากหาได้ ควรที่จะทำการหา Driver ของโมเด็มที่เป็นเวอร์ชันใหม่ ๆ มาลงแทนของเดิม เนื่องจากใน Driver ใหม่ ๆ อาจจะมีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของโมเด็มนั้นได้ แหล่งที่ใช้สำหรับหา Driver ก็คือเว็บไซต์ของผู้ผลิตโมเด็มนั่นแหละครับ หากหาไม่ได้ ลองเข้าไปดูตามเว็บไซต์ที่มี Driver ต่าง ๆ เช่น http://www.driverfiles.net , http://www.windrivers.com หรือ http://www.driverzone.com ครับ
2. หลีกเลี่ยงการใช้โมเด็มแบบ Internal หรือแบบ Built in
โมเด็มแบบ Internal หรือแบบ Built in ที่มีมากับเมนบอร์ดบางรุ่น ส่วนมากจะเป็นการ์ดเล็ก ๆ ใช้เสียบกับสล็อต PCI หรือ AMR บนเครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็มพวกนี้จะมีราคาถูกกว่าแบบ External หลายเท่า แต่ข้อเสียคือ จะเป็นโมเด็มที่เรียกว่า ซอฟต์แวร์โมเด็ม ซึ่งจะต้องใช้ ซีพียู ส่วนหนึ่งช่วยในการทำงานด้วย ดังนั้น หากความเร็วของซีพียูไม่มากพอ (ควรจะเป็น 200MMX ขึ้นไป) อาจจะก่อให้เกิดปัญหาสายหลุดบ่อย ๆ ตามมาได้ ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรจะยอมจ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย ซื้อโมเด็มแบบ External มาใช้ดีกว่าครับ แต่ก็อาจจะมีโมเด็มบางรุ่นที่เป็นลักษณะของ Internal Modem แต่ทำงานในแบบ ฮาร์ดแวร์โมเด็มได้ เช่นของ wincomm ในกรณีเช่นนี้ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ ในกรณีที่คุณมีโมเด็มแบบ Internal อยู่แล้วก็ไม่เป็นไร ใช้ไปเถอะครับ ถ้าไม่สร้างปัญหาให้คุณมากนัก ก็คงจะไม่จำเป็นถึงกับต้องเสียเงินเปลี่ยนโมเด็มใหม่นะครับ อันไหนพอใช้ได้ก็ใช้ไปเถอะ นอกเสียจากว่าจะไม่ไหวจริง ๆ แล้วเท่านั้น
3. เลือกโมเด็มให้ตรงกับ ISP หรือเลือกเบอร์ ISP ให้ตรงกับโมเด็ม
จากในหน้าเว็บเรื่อง รู้จักกับโมเด็มแบบต่าง ๆ จะเห็นได้ว่า มาตราฐานของโมเด็มมีหลายแบบ เช่น V.34, X2, K56 หรือ V.90 ซึ่งมาตราฐานล่าสุดก็จะเป็น V.90 ในขณะนี้ แต่อย่าเพิ่งหวังนะครับว่า ISP แต่ละยี่ห้อ จะมีการปรับเปลี่ยนมาตราฐานต่าง ๆ ให้เป็น V.90 กันหมดแล้ว หลาย ๆ ISP มักจะแจ้งเบอร์ที่เป็นมาตราฐานต่าง ๆ ไว้ด้วย เช่นหากใช้โมเด็มแบบ X2 ต้องต่อไปที่เบอร์หนึ่ง แต่ถ้าใช้โมเด็มแบบ K56 หรือ V.90 ก็ต้องหมุนไปที่อีกเลขหมายหนึ่ง เป็นต้น แบบนี้ให้ลองดูมาตราฐานของแต่ละ ISP และเลือกใช้โมเด็ม หรือเลือกเบอร์สำหรับต่อให้ถูกต้องด้วยนะครับ (ถ้ามีให้เลือก) หากเลือกผิดหรือว่า ISP ที่ใช้งานนั้นไม่มีให้เลือก ก็อาจจะต่อได้แค่ความเร็ว 33.6 K. เท่านั้นก็ได้ ทำให้ใช้ความเร็วไม่เต็มที่ครับ
ในเรื่องนี้ สำหรับบาง ISP ที่มีลูกค้าใช้งานกันมาก ๆ ในบางครั้ง การเปลี่ยนไปใช้เลขหมายที่เป็น 33.6 K. ในบางครั้ง สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เร็วกว่าเลขหมายที่เป็น 56K. ซะอีกนะครับ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือ คนส่วนมากจะใช้โมเด็มแบบ 56K. ดังนั้นทุกคนก็จะใช้เลขหมายที่เป็น 56K. กันหมด ถึงแม้ว่าระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับ ISP จะเป็น 56K. ก็ตาม แต่จะเกิดการคับคั่งของข้อมูลจาก ISP นั้น ออกไปที่อื่น ๆ แทนครับ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้โมเด็มต่อได้ความเร็วเพียง 33.6 K. เท่านั้น แต่อัตราการรับส่งข้อมูล อาจจะทำได้ดีกว่าก็ได้ (ในบางครั้งนะครับ)
4. ตรวจสอบสภาพคู่สายโทรศัพท์ ให้มีสัญญาณรบกวนน้อยที่สุด
ลองตรวจสอบสภาพคู่สายโทรศัพท์ที่ใช้งานอยู่ ว่ามีสัญญาณในระดับปกติ หรือมีสัญญาณรบกวนแทรกเข้ามาหรือไม่ อาจจะทดสอบโดยใช้หูฟังก็ได้ครับ โดยยกหูขึ้นมาฟังและสังเกตุจากการใช้งานในแบบโทรศัพท์ธรรมดา เมื่อคุยกับเพื่อน ๆ ว่าเสียงที่ได้ยิน เบากว่าปกติหรือไม่ มีเสียงซ่า หรือเสียงคลื่นวิทยุแทรกเข้ามาหรือไม่ ลองเอาโทรศัพท์เครื่องนั้นไปใช้กับ เลขหมายอื่น ๆ ดู ถ้าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องโทรศัพท์ ก็แสดงว่าเป็นปัญหาของคู่สายโทรศัพท์ครับ พยายามเดินสายโทรศัพท์ในบ้าน จากจุดต่อขององค์การโทรศัพท์ที่หน้าบ้าน ให้สั้นที่สุด หากเป็นไปได้ ทุกจุดควรจะทำความสะอาด อย่าให้มีรอยสนิม หรือหากบัดกรีได้ก็ควรทำไปเลย ระวังอย่าให้น้ำซึมเข้าจุดต่อต่าง ๆ ได้ ซึ่งเป็นปัญหาหลักโดยเฉพาะหน้าฝน หรือเมื่อมีฝนตกครับ อาจจะนำเอาถุงพลาสติกไปครอบไว้ที่ตัวต่อสายโทรศัพท์หรือตัวกันฟ้า เพื่อป้องกันน้ำเข้าด้วย ทั้งหมดนี้ ถ้าคิดว่าทำการแก้ไขเองภายในบ้านแล้ว ยังเสียงเบาหรือมีเสียงรบกวนแทรกเข้ามา ลองโทรแจ้งไปที่เลขหมาย 17-xxx (กด 17 แล้วตามด้วย 3 ตัวแรกของเบอร์โทรศัพท์ บ้านคุณ) เพื่อให้ช่างขององค์การฯ ช่วยแก้ไขเรื่องสัญญาณให้
5. พยายามหลีกเลี่ยงการต่อเครื่องโทรศัพท์พ่วงกัน
หลีกเลี่ยงการต่อเครื่องโทรศัพท์พ่วงกันหลาย ๆ เครื่อง เพราะจะเป็นการลดทอนสัญญาณที่มาจากชุมสายโทรศัพท์ลงไปอย่างมาก หากเป็นไปได้ ไม่ควรต่อเครื่องโทรศัพท์ไว้เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ควรที่จะต่อเครื่องโทรศัพท์จากด้านหลังของโมเด็ม ที่มีช่อง Phone แทนการต่อพ่วงตรง ๆ เข้ากับโมเด็มด้วยครับ สำหรับเรื่องนี้ ให้สังเกตุเมื่อเราใช้งานโมเด็ม ขณะที่โมเด็มกำลังถูกใช้งาน ลองยกหูเครื่องโทรศัพท์มาฟังเสียงดู ในโมเด็มบางรุ่น เมื่อตัวโมเด็มกำลังถูกใช้งาน จะมีการตัดสายสัญญาณของโทรศัพท์ออก แต่บางรุ่นจะไม่มีการตัด คือจะเหมือนกับการต่อพ่วงกับโมเด็มอยู่ตลอดเวลา หากเรายกหูขึ้นมาฟังแล้วไม่ได้ยินอะไรเลย แปลว่าโมเด็มตัวนั้นมีการตัดสัญญาณสายโทรศัพท์ออกด้วย ก็จะดีกว่ารุ่นที่ไม่มีการตัดสัญญาณครับ
6. ยกเลิกการใช้งาน บริการรับสายเรียกซ้อน
บริการรับสายเรียกซ้อนขององค์การโทรศัพท์ ที่เห็นโฆษณาอยู่ในทีวี บ่อย ๆ นั่นแหละครับ ตัวปัญหาของการทำให้สายหลุด เพราะว่าในขณะที่กำลังใช้งานโมเด็มอยู่นั้น หากมีใครโทรเข้ามาหาเราที่เลขหมายนั้น จะมีสัญญาณเตือนแทรกเข้ามา ซึ่งกรณีเช่นนี้ โมเด็มบางตัวสายจะหลุดไปเลยทันที แต่โมเด็มบางตัวสายอาจจะไม่หลุด แต่จะมีการหยุดรับส่งข้อมูลชั่วคราว เพื่อตัดปัญหานี้ ให้ทำการยกเลิกการใช้งาน บริการรับสายเรียกซ้อนออกไปซะ โดยอาจจะยกเลิกแบบชั่วคราวก็ได้ และเมื่อต้องการใช้งานใหม่ ก็ค่อยเปิดรับบริการนี้ใหม่ก็ได้
การยกเลิกบริการรับสายเรียกซ้อนชั่วคราว ให้ยกหูแล้วกด #43# รอฟังสัญญาณตอบรับแล้ววางสาย
การเปิดใช้บริการรับสายเรียกซ้อนใหม่ ให้ยกหูแล้วกด *43# รอฟังสัญญาณตอบรับแล้ววางสาย
7. ทำการปรับแต่งในส่วนของ Dial-Up Networking
ทำการปรับแต่งค่าต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเปิดที่ Start Menu >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Modem เอาเมาส์คลิกเลือกที่ตัวโมเด็มที่ใช้งาน และเลือกที่ Properties ตามรูป
ตรงช่องของ Maximum speed ให้เปลี่ยนเป็นค่าสูงสุดที่มีให้เลือกได้ จากนั้นใช้เมาส์กดที่ช่อง Connection เลือกที่ปุ่ม Port Settings... ตามรูป
ปรับค่าให้อยู่ในตำแหน่งสูงสุด และกด OK เพื่อกลับไปหน้าเดิม กดที่ปุ่ม Advanced... ตามรูป
ทำการปรับแต่งค่าต่าง ๆ ให้เหมือนกับรูปด้านบน ยกเลิกการเลือกช่อง Use error control และใส่คำว่า s10=100 ในช่อง Extra settings ด้วยนะครับ กด OK เพื่อปิดหน้าต่างของการตั้งค่า Modem ให้หมดโดยกลับไปที่หน้าของ Control Panel
สำหรับผู้ที่ใช้โมเด็มแบบ External ให้ทำการปรับแต่งค่าของ COM Port เพิ่มเติมดังนี้ จากหน้า Control Panel เลือกที่ System และกดเลือกที่ Device Manage เลือก Ports (COM & LPT) และเลือกที่ COM Port ที่ใช้ต่อโมเด็ม
กดที่ปุ่ม Properties เพื่อทำการปรับแต่งค่าต่าง ๆ เลือกที่ Port Settings
เปลี่ยนค่าในช่อง Bits per second ให้เป็นค่าสูงสุดที่มีให้เลือก และกด OK เพื่อปิดหน้าต่างที่เปิดขึ้นมาให้หมดครับ
8. การตั้งให้ใช้ Proxy ของ ISP ก็มีส่วนช่วยได้มาก
สำหรับ ISP บางยี่ห้อ จะมีรายการค่าของ Proxy Server ให้ใช้ด้วย ซึ่งหลักการทำงานแบบง่าย ๆ ของ Proxy ก็จะคล้าย ๆ กับ Cache นั่นเอง คือเมื่อมีการเรียกหน้าเว็บ จะมีการค้นหาข้อมูลที่เคยมีเก็บอยู่ใน Proxy ก่อน หากพบก็จะสามารถส่งข้อมูล เว็บนั้นมาให้เราได้เลย จะใช้เวลาเร็วกว่ามาก แต่หากมีการอัพเดทข้อมูลในหน้าเว็บนั้น ๆ ไปแล้ว ข้อมูลที่เราได้รับก็อาจจะไม่มีการ อัพเดทตามได้ อาจจะแก้ไขง่าย ๆ โดยการกดปุ่ม Refresh อีกครั้งก็ได้ครับ วิธีการตั้งใช้ Proxy ทำได้โดย เลือกเข้าไปที่เมนู Tools >> Internet Options เลือกที่ป้าย Connections และเลือกที่ Connection ของ ISP ที่เราใช้งาน กดที่ Setting จะได้ตามรูป
ใช้เมาส์เลือกที่ช่อง Use a proxy server และนำค่าของ Proxy Server (ต้องหาจากคู่มือของชั่วโมงอินเตอร์เน็ต หรือจากเว็บไซต์ของ ISP มาใส่ครับ) จากนั้นก็กด OK ปิดหน้าต่างเหล่านี้
9. การใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยปรับแต่งและเพิ่มความเร็ว
นอกจากนี้ การหาซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการเพิ่มความเร็วของการเล่นเน็ตมาใช้ ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่เท่าที่เคยทดลองใช้งานมา ส่วนมากซอฟต์แวร์พวกนี้ จะมีส่วนทำให้เครื่องหรือ Windows รวนได้บ่อยครั้งครับ ดังนั้นจึงไม่อยากแนะนำให้ใช้วิธีนี้กัน หากใครต้องการทดลอง ก็ลองหาดูตามเว็บไซต์ที่มีสำหรับดาวน์โหลดต่าง ๆ เช่น download.com และเลือกหาดูครับ
คงจะนึกออกได้เท่านี้ครับ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาลงเพิ่มให้ครับ หวังว่าคงจะช่วยหลาย ๆ ท่านที่มีปัญหา การต่อโมเด็ม กันได้บ้างนะครับ
หัวข้อเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น